ข่าวแจ้งตลาดหลักทรัพย์
รายงานของผู้สอบบัญชี ปี 2539 (แก้ไข งบรวม)
12 มิถุนายน 2540
รายงานของผู้สอบบัญชี
เสนอ ผู้ถือหุ้น บริษัท ธนูลักษณ์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย
ข้าพเจ้าได้ตรวจสอบงบดุลรวม ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2539 และ 2538 งบกำไร
ขาดทุนรวม งบกำไรสะสมรวม และงบกระแสเงินสดรวม สำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของแต่ละปี ของ
บริษัท ธนูลักษณ์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย ตามมาตรฐานการสอบบัญชีที่รับรองทั่วไป ซึ่งรวมทั้ง
การทดสอบรายการบัญชีและวิธีการตรวจสอบอื่นที่เห็นว่าจำเป็น
ข้าพเจ้าเห็นว่า งบการเงินรวมข้างต้นนี้แสดงฐานะการเงิน ณ วัน
ที่ 31 ธันวาคม 2539 และ 2538 ผลการดำเนินงานและกระแสเงินสดรวมสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียว
กันของแต่ละปีของ บริษัท ธนูลักษณ์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย โดยถูกต้องตามที่ควรและ
ได้ทำขึ้นตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป ซึ่งได้ถือปฏิบัติเช่นเดียวกันโดยสม่ำเสมอ
(นายนที แสงอุดมเลิศ)
ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต
ทะเบียนเลขที่ 300
กรุงเทพมหานคร
วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2540
บริษัท ธนูลักษณ์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย
หมายเหตุประกอบงบการเงินรวม
วันที่ 31 ธันวาคม 2539 และ 2538
---------------------------------------------------------------------------
1. หลักในการจัดทำงบการเงินรวม
งบการเงินของบริษัทได้รวมงบการเงินของ บริษัท ธนูลักษณ์ จำกัด (มหาชน)
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2539 รายการที่เกิดขึ้นระหว่างบริษัทได้ตัดออกในการ จัดทำงบ
การเงินรวม
บริษัทย่อย ได้แก่ บริษัท ธนูลักษณ์กบินทร์บุรี จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ
99.99 ของทุนที่ออกจำหน่าย
ส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยในบริษัทย่อย ประกอบด้วยส่วนของผู้ถือหุ้นตามสัดส่วนการ
ลงทุนของผู้ถือหุ้นรายย่อยในบริษัทย่อยและผลกำไรจากการดำเนินงาน
2. มูลฐานสำหรับงบการเงินรวม
ส่วนหนึ่งของทรัพย์สิน หนี้สิน รายได้ และค่าใช้จ่ายของบริษัท เป็นรายการ
ที่เกิดขึ้นกับบริษัทร่วมและบริษัทในเครือ งบการเงินนี้ จึงแสดงรวมถึงผลของรายการดังกล่าวตาม
มูลฐานที่ได้ตกลงร่วมกันระหว่างบริษัทที่เกี่ยวข้องกัน
3. นโยบายการบัญชีที่สำคัญ
3.1 บริษัทรับรู้รายได้จากการขายเมื่อส่งผลิตภัณฑ์ให้แก่ลูกค้าแล้ว
3.2 สินทรัพย์ถาวร แสดงในราคาทุนหลังหักค่าเสื่อมราคาแล้ว การคำนวณค่าเสื่อมราคาใช้
วิธีเส้นตรงในอัตราสูงสุดที่กฏหมายยอมให้หักได้ (นอกจากที่ดินไม่ได้หักค่าเสื่อมราคา)
สำหรับสินทรัพย์ของบริษัทย่อย ที่ซื้อมาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2539 คำนวณค่าเสื่อมราคาใน
อัตรา 10 % ต่อปี
3.3 สินค้าคงเหลือ ตีราคาดังนี้
สินค้าสำเร็จรูปและวัตถุดิบคงเหลือ ตีราคาในราคาทุนถัวเฉลี่ยหรือราคาตลาดที่
ต่ำกว่า
สินค้าระหว่างผลิตคงเหลือ แสดงในราคาทุน
3.4 วัสดุและของคงเหลืออื่น แสดงในราคาทุน
3.5 เงินลงทุนหลักทรัพย์หุ้นทุนบริษัทในเครือและบริษัทอื่น แบ่งออกเป็นดังนี้
- หลักทรัพย์ในความต้องการของตลาด แสดงในราคาทุนรวมหรือตลาดรวมที่ต่ำกว่า
ราคาตลาดใช้ราคาปิด ณ วันสิ้นงวดที่ซื้อขายครั้งสุดท้ายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
- หลักทรัพย์นอกตลาด แสดงในราคาทุน
เงินลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทร่วม บันทึกบัญชีตามวิธีส่วนได้เสีย
สำหรับกำไรขาดทุนจากการขายหลักทรัพย์ ใช้เกณฑ์ถัวเฉลี่ย
3.6 รายการบัญชีที่เป็นเงินตราต่างประเทศ ได้คำนวณค่าเงินเป็นเงินบาทตามอัตราแลก
เปลี่ยน ณ วันชำระหนี้ ยอดคงเหลือของรายการทรัพย์สินที่เป็นเงินตราต่างประเทศ ณ วันสิ้นปี ได้แปลง
ค่าเป็นเงินบาทตามอัตราถัวเฉลี่ยที่ธนาคารพาณิชย์รับซื้อ หนี้สินที่ค้างอยู่ ณ วันสิ้นปีคำนวณค่าเป็นเงินบาท
ตามราคาถัวเฉลี่ยที่ธนาคารพาณิชย์ขาย ณ วันสิ้นปี
กำไรขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนได้รวมคำนวณในงบกำไรขาดทุนแล้ว
3.7 ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ ได้ตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญตามจำนวนที่คาดว่าจะเรียกเก็บไม่ได้
ตามประสพการณ์ที่ผ่านมา
3.8 สำหรับบริษัทย่อย ค่าใช้จ่ายรอการตัดจ่าย ได้แก่ค่าโปรแกรมคอมพิวเตอร์และค่า
ธรรมเนียมเพิ่มทุน ตัดจ่ายในเกณฑ์ 5 ปี สำหรับค่าใช้จ่ายเริ่มการจะตัดจ่ายเมื่อกิจการมีรายได้แล้ว
3.9 ค่าความนิยมจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม ตัดจ่ายภายใน 10 ปี
4. ลูกหนี้การค้าและเช็ครับลงวันที่ล่วงหน้า ประกอบด้วย
2539 (บาท) 2538 (บาท)
ลูกหนี้การค้า 191,562,922.92 223,018,887.15
เช็คการค้ารับล่วงหน้า 25,463,342.37 9,244,775.59
รวม 217,026,265.29 232,263,662.74
หัก ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ 84,235.69 391,507.15
สุทธิ 216,742,029.60 231,872,155.59
5. สินค้าคงเหลือ ประกอบด้วย
2539 (บาท) 2538 (บาท)
วัตถุดิบคงเหลือ 6,228,078.12 168,177,229.31
สินค้าระหว่างผลิตคงเหลือ 74,732,296.50 84,315,941.82
สินค้าสำเร็จรูปคงเหลือ 54,600,812.92 60,819,726.52
สินค้าระหว่างทาง 115,536.96 5,703,411.00
รวม 265,676,724.50 319,016,308.65
6. เงินให้กู้ยืมแก่บริษัทอื่น
บริษัทและบริษัทย่อยได้ให้เงินกู้ยืมแก่บริษัท 4 แห่งจำนวน 207.51 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย
7.5 - 9.0 % ต่อปี โดยไม่มีหลักประกัน
7. เงินลงทุนหลักทรัพย์หุ้นทุนบริษัทในเครือและบริษัทอื่น
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2539 ประกอบด้วยหลักทรัพย์ในความต้องการของตลาด 6
แห่ง ราคาทุนรวม 20,373,062.00 บาท (มีราคาตลาดรวม 37,963,597.00 บาท) และหลักทรัพย์
นอกตลาดอีก 40 แห่ง มีราคาทุนรวม 141,653,298.46 บาท ในจำนวนนี้มี 4 บริษัทที่เรียกเก็บเงิน
ค่าหุ้นไม่เต็มมูลค่าจำนวน 38,169,910.00 บาท
เงินลงทุนหลักทรัพย์หุ้นทุนในความต้องการของตลาด ประกอบด้วย
บริษัทมหาชนจำกัด จำนวนหุ้นที่ถือ เงินลงทุน % การลงทุน
1.ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล 131,595 7,793,442.00 0.89
2.สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง 43,714 2,090,300.00 0.09
3.ประชาอาภรณ์ 990,000 9,900,000.00 13.75
4.บูติคนิวซิตี้ 2,000 124,000.00 0.02
5.ฟาร์อีสท์แอ๊ดเวอร์ไทซิ่ง 1,000 200,000.00 0.04
6.ไทยโทเรเท็กซ์ไทล์ 30,000 265,320.00 0.50
รวม 1,198,309 20,373,062.00
เงินลงทุนหลักทรัพย์หุ้นทุนนอกตลาด ประกอบด้วย
บริษัทจำกัด จำนวนหุ้นที่ถือ เงินลงทุน % การลงทุน
1.แชมป์เอช 60,000 6,000,000.00 15.00
2.โรงงานสากลการทอ 11,250 1,500,000.00 3.75
3.ไทยจาโนเม่ 176,000 1,760,000.00 2.00
4.ไทยมอนสเตอร์ 42,000 4,676,520.00 21.00
5.ทรัพย์สินสหพัฒน์ 2,000 200,000.00 1.00
6.ไทยชิกิโบ 56,250 5,625,000.00 3.00
7.อินเตอร์เนชั่นแนลเลทเธอร์แฟชั่น 75,000 7,500,000.00 15.00
8.ซันไรส์การ์เมนท์ 14,000 1,435,000.00 7.00
9.ไทยโปรอง 20,000 2,000,000.00 10.00
10.อีสเทิร์นรับเบอร์ 4,500 450,000.00 1.50
11.ธานรา 75,000 750,000.00 1.25
12.ไทยสเตเฟล็กซ์ 24,000 2,400,000.00 4.00
13.ไทยฮามิลตัน 50,000 7,424,000.00 25.00
14.โทเทิลเวย์อิมเมจ 42,000 4,344,160.00 21.00
15.แหลมฉบังรับเบอร์ 13,875 1,387,500.00 0.75
บริษัทจำกัด จำนวนหุ้นที่ถือ เงินลงทุน % การลงทุน
16.ไทยเซเบียง 54,000 5,400,000.00 18.00
17.ซันล็อตเอ็นเตอร์ไพรส์ 350,000 3,500,000.00 3.50
18.ไทยทาคาย่า 33,000 3,300,000.00 11.00
19.ICC (HONGKONG) 2,000 663,000.00 20.00
20.ไทยมิตซูโบชิ 29,999 2,999,900.00 15.00
21.ไทยกุลแซ่ 72,000 7,200,000.00 4.00
22.ไทยฮิชิย่า 8,997 * 629,790.00 15.00
23.สยามชิกิโบดายอิ้ง 750,000 7,500,000.00 2.00
24.ไทยเลอร์จูร์ 10,000 1,000,000.00 5.00
25.แวลูแอ๊ดเด็ดเท็กซ์ไทล์ 15,000 1,500,000.00 5.00
26.แอสคอทอินเตอร์เนชั่นแนล 16,000 1,600,000.00 10.00
27.แกรนด์สตาร์อินดัสตรี 15,000 1,500,000.00 7.50
28.เทรชเชอร์ฮิลล์ 40,000 4,000,000.00 2.00
29.ไทยพลีท 10,000 1,000,000.00 12.50
30.แพนเอเซียเลทเธอร์ 50,000 5,000,000.00 5.00
31.ไทยนาคามูระลาเบล 12,000 1,200,000.00 4.00
32.โรงพยาบาลพระรามเก้า 10,000 1,000,000.00 0.25
33.ซิกม่าโฮลดิ้ง 1,200 120,000.00 0.46
34.โรงงานทอผ้าไทยรุ่งเรือง 217,440 4,094,780.27 1.81
35.สหพัฒน์เรียลเอสเตท 500,000 *12,500,000.00 2.50
36.P.T.MESAPRO
INTERNATIONAL 152 3,816,948.00 19.00
37.สหอินโฟเทคโนโลยี่ 50,000 *250,000.00 5.00
38.บิลตัน(ไทยแลนด์) 400 * 250,000.00 10.00
39.PUNING XIE ZHONG GARMENT - 12,731,450.19 33.33
40.KUNMING SHENJIAN FASHION DRESS - ** 11,445,250.00 90.00
รวม 2,913,063 141,653,298.46
รวมเงินลงทุน 4,111,372 162,026,360.46
บวก รายได้จากเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้ส่วนเสีย 8,957,635.25
รวมทั้งสิ้น 4,111,372 170,983,995.71
ในปี 2539 บริษัทฯ รับรู้รายได้จากเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสียจำนวน 2,484,473.02
บาท
** โดยที่บริษัท KUNMING SHENJIAN FASHION DRESS เพิ่งเริ่มก่อสร้างอยู่ในระหว่าง
เตรียมการต่าง ๆ ยังมิได้ประกอบกิจการค้า จึงมิได้รับรู้รายได้
8. ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ ประกอบด้วย
2539 (บาท) 2538 (บาท)
ที่ดิน 120,933,651.00 120,693,571.00
ต้นทุนพัฒนาที่ดิน 3,676,729.85 3,798,982.49
อาคารและสิ่งปลูกสร้าง 154,406,506.78 153,000,348.40
เครื่องจักร 166,660,346.41 151,606,742.02
ครุภัณฑ์ 74,481,819.57 70,744,782.41
ยานพาหนะ 3,971,829.44 4,741,059.44
ค่าตกแต่งและติดตั้ง 81,218,630.18 78,099,287.62
ทรัพย์สินระหว่างสร้าง 75,289,270.19 16,532,673.38
รวม 680,638,783.42 599,217,446.76
หัก ค่าเสื่อมราคาสะสม 278,168,374.06 240,244,726.76
มูลค่าสุทธิ 402,470,409.36 358,972,720.00
บวก สิทธิการเช่า (สุทธิ) 619,786.15 664,474.75
รวมทั้งสิ้น 403,090,195.51 359,637,194.75
ค่าเสื่อมราคาปีนี้รวม 40,328,858.16 บาท
9. เงินเบิกเกินบัญชีและเงินกู้ยืมจากธนาคาร ประกอบด้วย
2539 (บาท) 2538 (บาท)
เงินเบิกเกินบัญชีธนาคาร 5,689,641.19 37,743,613.96
ทรัสรีซีท 11,271,905.55 16,216,734.58
แพคกิ้งเครดิต - 3,307,600.00
ตั๋วสัญญาใช้เงินจ่ายคืนเมื่อทวงถาม 230,280,000.00 35,000,000.00
รวม 247,241,546.74 92,267,948.54
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2539 และ 2538 บริษัทได้รับสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์รวม 15 แห่ง และ
14 แห่ง มีวงเงินเบิกเกินบัญชีธนาคารรวม 137.0 ล้านบาท และ 162.0 ล้านบาท วงเงินเล็ตเตอร์
ออฟเครดิตกับทรัสรีซีทรวม 167.0 ล้านบาท แพคกิ้งเครดิต 169.0 ล้านบาท และ 159.0 ล้านบาท
วงเงินขายลดเช็ค 1.0 ล้านบาท ขายลดตั๋วสัญญาใช้เงิน 458.3 ล้านบาท และ 305.0 ล้านบาท และ
การออกหนังสือค้ำประกันรวม 147.0 ล้านบาทและ 146.0 ล้านบาท ตามลำดับ
นอกจากนี้ได้รับวงเงินการซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (Forex Line)
35.0 ล้านบาท และ 25.0 ล้านบาท และวงเงิน FORWARD LINE 142.0 ล้านบาท และ 92.0
ล้านบาท ตามลำดับ
10. เงินกู้ยืมระยะยาวและส่วนของหนี้ระยะยาวที่ถึงกำหนดชำระภายใน 1 ปี
บริษัทฯ ได้กู้ยืมเงินจากธนาคารต่างประเทศแห่งหนึ่งจำนวนเงิน 4.0 ล้านเหรียญ
สหรัฐ กำหนดเวลาชำระคืนภายใน 3 ปี โดยชำระคืนเงินต้นรวม 5 งวด ๆ ละ 0.80 ล้านเหรียญ
สหรัฐ อัตราดอกเบี้ย 6.7625 % ต่อปี หรือ SIBOR +0.7 % ต่อปี โดยไม่มีหลักประกัน แต่ต้อง
ดำรงฐานะการเงินตามเงื่อนไขที่กำหนดในสัญญา เริ่มชำระคืนงวดแรกวันที่ 22 พฤศจิกายน 2539
(บาท)
เงินกู้คงค้าง ณ วันสิ้นปี 82,112,000.00
หัก ส่วนของหนี้ระยาวยาวที่ถึงกำหนดชำระภายใน 1 ปี 41,056,000.00
เงินกู้ระยะยาว 41,056,000.00
11. ทุนเรือนหุ้น
ตามมติของที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 22 เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2539 ให้เพิ่มทุนของบริษัทจาก
เดิม 60.0 ล้านบาท เป็น 120.0 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญใหม่ จำนวน 6 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ
10.00 บาท โดยจำหน่ายแก่ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 1 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 10.00
บาท ซึ่งได้รับเงินครบถ้วนและจดทะเบียนเพิ่มทุนเรียบร้อยแมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2539
12. การจัดสรรกำไร
บริษัทได้บันทึกการจัดสรรกำไรเมื่อได้รับอนุมัติการจัดสรรจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นแล้ว
13. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
บริษัทฯ ได้จัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพตามพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยง
ชีพ 2530 เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2536 โดยพนักงานจ่ายสะสมส่วนหนึ่ง และบริษัทจ่ายสมทบอีกส่วนหนึ่ง
ตามที่กำหนด ทั้งนี้ บริษัทได้แต่งตั้งผู้จัดการกองทุนเพื่อบริหารกองทุนดังกล่าวตามกฏกระทรวง
14. กำไรต่อหุ้น
กำไรต่อหุ้น คำนวณโดยการหารกำไรสุทธิด้วยจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก
15. ภาระผูกพัน
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2539 และ 2538 บริษัทมีภาระผูกพันดังนี้
- บริษัทได้ทำสัญญากับผู้มีสิทธิในเครื่องหมายการค้าเกี่ยวกับการใช้เครื่องหมาย การค้า
เพื่อผลิตและจำหน่าย สินค้าเสื้อผ้า และเครื่องหนัง ซึ่งเป็นสัญญาต่างตอบแทนที่ต่างฝ่ายต่างต้อง
ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญารวม 15 เครื่องหมาย ค่าสิทธิที่ต้องจ่าย 0.3 - 8.0 %
- วงเงินการเปิด L/C เพื่อสั่งซื้อวัตถุดิบจากต่างประเทศที่ยังไม่ใช้เป็นเงิน 152.41
ล้านบาท และ 139.11 ล้านบาท ตามลำดับ
- ภาระตามหนังสือค้ำประกันที่ธนาคารออกให้เพื่อค้ำประกันภาษีศุลกากรจากธนาคาร 1 แห่ง
รวม 1.36 ล้านบาท และ 10.38 ล้านบาท และมีภาระการค้ำประกันการใช้ไฟฟ้า 4,230,300.00
บาท และ 3,225,900.00 บาท ตามลำดับ
- บริษัทได้ทำสัญญาเช่าที่ดินเพื่อเป็นโกดังวัตถุดิบที่แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพฯ
เป็นระยะเวลา 15 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม 2535 ครบกำหนดวันที่ 29 พฤศจิกายน 2550 โดย
จ่ายค่าตอบแทนในการโอนสิทธิการเช่า 300,000.00 บาท และต้องจ่ายค่าเช่ารายเดือนตามสัญญา
- บริษัทได้จองซื้อที่ดิน 1 แปลง เนื้อที่ 5 ไร่ 2 งาน 93.2 ตารางวา ณ ตำบลป่าสัก
อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน เป็นเงิน 4,586,400.00 บาท โดยได้จ่ายค่าจองไปแล้วรวม
3,057,600.00 บาท และบริษัทได้จองซื้อที่ดินเพิ่มอีก 1 แปลง เนื้อที่ 5 ไร่ 3 งาน 71.2 ตารางวา
เป็นเงิน 5,690,880.00 บาท โดยจ่ายค่าจอง 24 งวด รวม 3,793,920.00 บาท ที่เหลือชำระ
ในวันโอน และบริษัทได้จองซื้อที่ดินอีก 2 แปลง เนื้อที่ 11 ไร่ 91.413 ตารางวา เป็นเงิน
12,351,385.75 บาท โดยชำระในวันจองเป็นเงิน 1,351,385.75 บาท และจ่ายเช็คลงวันที่ล่วงหน้า
11 ฉบับ ๆ ละ 1.0 ล้านบาท
16. รายการที่เกี่ยวข้องกับบริษัทที่มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจ
16.1 บริษัทและบริษัทในเครือได้มีรายการค้าระหว่างกันระหว่างปี ดังนี้
(บาท)
ลูกหนี้การค้าและเช็ครับล่วงหน้า 40,529,681.06
เงินให้กู้ยืม 207,510,000.00
เจ้าหนี้การค้า 6,714,251.92
รายได้ค้างรับ 15,163.18
รายได้จากการขาย 221,520,537.82
รายได้อื่น 10,394,899.92
ซื้อสินค้า 44,474,306.10
รายได้จากการขายทรัพย์สิน 46,600.00
16.2 บริษัทได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 22 วันที่ 22 เมษายน 2539
16.2.1 ให้จัดสรรวงเงินให้กู้แก่บริษัทที่มีความสัมพันธ์กับบริษัททางธุรกิจรวม
จำนวนเงิน 300.0 ล้านบาท ณ วันสิ้นปี มียอดเงินให้กู้แก่บริษัทรวม 4 บริษัท จำนวนเงิน
207.51 ล้านบาท
16.2.2 ให้ค้ำประกันแก่บริษัทที่มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับบริษัท สำหรับการใช้
เครดิตกับธนาคารและสถาบันการเงินต่าง ๆ ในอัตราไม่เกิน 1 เท่าของสินทรัพย์รวมของบริษัท
ณ วันสิ้นปี มีภาระค้ำประกันรวม 207.64 ล้านบาท จำนวน 14 บริษัท
17. สิทธิและประโยชน์จากการส่งเสริมการลงทุน
บริษัทฯ ได้รับสิทธิและประโยชน์จากบัตรส่งเสริมการลงทุน ตาม พ.ร.บ.
การส่งเสริมการลงทุน พ. ศ. 2520 ในกิจการประเภท 3.6 การผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป และในกิจการ
ประเภท 3.10 การผลิตผลิตภัณฑ์หนังสัตว์ หรือหนังเทียม โดยได้รับสิทธิและประโยชน์ตามมาตรา 25,
26, 28, 30, 31,วรรคหนึ่ง วรรคสอง และวรรคสาม มาตรา34, 35(2) (3) (4), 36 (1)
(2) (4) วรรคหนึ่ง และวรรคสอง และมาตรา 37 ซึ่งได้ยกเว้นภาษีเงินได้มีกำหนด 8 ปี โดยได้รับ
อนุมัติจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2539 วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2538 และ
วันที่ 10 พฤศจิกายน 2537 ตามลำดับ
ทั้งนี้ นอกจากสิทธิและประโยชน์ดังกล่าว บริษัทฯ จะต้องปฎิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด
ในบัตรส่งเสริมโดยเคร่งครัด
รับรองว่าถูกต้อง
..........................กรรมการ ............................กรรมกา